คุโบะ เด็กดาวรุ่งของ ราชัน


Wednesday 22nd July 2020
คุโบะ ดาวรุ่งทีมชาติญี่ปุ่น ที่ย้ายจากทีมในบ้านเกิดอย่างเอฟซี โตเกียว มาร่วมทีมเรอัล มาดริด นอกจากพลพรรค “ราชันชุดขาว” จะได้เพชรเม็ดงามไปครองแล้ว สิ่งที่ช่วยเพิ่มความน่าสนใจให้กับการย้ายทีมครั้งนี้ คือการที่ดาวเตะวัย 19 ปีรายนี้ เคยเป็นอดีตเด็กปั้นของคู่ปรับตลอดกาลอย่างบาร์เซโลน่า นั่นเอง
ช่วงนี้ ไปดูความเป็นมาเป็นไปในเส้นทางสายลูกหนังของคุโบะ กันหน่อยว่า เขามีดีอย่างไร ทำไมยักษ์ใหญ่อย่างเรอัล มาดริด ถึงได้ยอมดึงตัวมาร่วมทีม พร้อมกับความคิดเห็น ในการย้ายมาเก็บเกี่ยวประสบการณ์กับเรอัล มายอร์ก้า แบบยืมตัว
เอฟซี โตเกียว คือสโมสรที่รับช่วงต่อไป ก่อนใส่ชื่อคุโบะ ลงสนามกับทีมเอฟซี โตเกียว รุ่นยู-23 ในลงเล่นระดับเจลีก 3 ส่งผลให้เขากลายเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ ที่ได้ลงสนามในฟุตบอลลีกอาชีพของญี่ปุ่น ด้วยวัยเพียง 15 ปี 5 เดือน 1 วันเท่านั้น
จากนั้นไม่นาน เขาสามารถทำลายสถิติ ผู้เล่นอายุน้อยสุดในประวัติศาตร์ ที่ยิงประตูในฟุตบอลลีกอาชีพของญี่ปุ่น ด้วยวัยเพียง 15 ปี 10 เดือน ในเกมที่เอฟซี โตเกียว รุ่นยู-23 เจอกับเซเรโซ โอซาก้า รุ่นยู-23 กระทั่งถูกดันสู่ทีมชุดใหญ่ในเวลาอันรวดเร็ว ส่วนในนามทีมชาติญี่ปุ่น เขาได้ถูกเรียกตัวติดทีมชาติชุดใหญ่ เป็นที่เรียบร้อยแล้วเช่นกัน
สำหรับการย้ายกลับมาเล่นฟุตบอลในดินแดนกระทิงดุ อีกครั้ง ก่อนหน้านี้ คุโบะ เริ่มต้นเก็บเกี่ยวประสบการณ์กับเรอัล มาดริด ชุดกาสติญ่า อย่างไรก็ตาม เจ้าตัวได้ถูกเปิดโอกาสให้ขึ้นมาฝึกซ้อม และเดินทางไปเก็บตัวกับทีมชุดใหญ่ โดยลงแข่งปรีซีซั่นที่ผ่านมากับทีมด้วย แถมยังสร้างผลงานได้อย่างน่าประทับใจ
โดยการย้ายมาร่วมทีม “ราชันชุดขาว” ไม่เพียงแค่ความฝันที่กลายมาเป็นความจริงเท่านั้น ซึ่งเขายังคงได้เล่นเคียงข้างหนึ่งในไอดอล ที่บอกว่าชมฟอร์มการเล่นผ่านเว็บไซต์ยูทูป มาตลอดอย่าง “เอเด็น อาซาร์” อีกด้วย
คุโบะ กล่าวต่อว่า “เหตุผลที่ผมเลือกเรอัล มาดริด เพราะผมชอบเป้าหมายของสโมสร โดยเฉพาะในแง่ของกีฬา รวมถึงแผนการที่สโมสรมอบให้ตัวผมในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ทั้งหมดนั้น เป็นเรื่องเกี่ยวกับการวางแผนอนาคตของผม”
“เรอัล มาดริด แสดงความต้องการอย่างชัดเจนเลยว่า พวกเขาอยากได้ตัวผมมาร่วมทีม พร้อมแสดงให้เห็นถึงแผนการต่างๆ ที่มีต่อเส้นทางลูกหนังของผมอีกด้วย แน่นอนว่า ผมชอบมันมาก ทำให้ผมเกิดความมั่นใจ”
ฤดูกาลนี้ คุโบะ ถูกทางเรอัล มายอร์ก้า ยืมตัวมาใช้งาน พร้อมกับสร้างผลงานอย่างน่าประทับใจ ผ่านการยิงในลีก 4 ประตู และแอสซิสต์มากที่สุดในทีมที่ 4 ครั้ง พร้อมกับเป้าหมายว่า การมาเก็บเกี่ยวประสบการณ์ครั้งนี้ สามารถนำกลับไปใช้ประโยชน์กับทางเรอัล มาดริด
สถิติที่น่าสนใจบ่งบอกว่า คุโบะ ถือเป็นนักเตะญี่ปุ่น รายที่ 3 ที่มาสัมผัสประสบการณ์กับเรอัล มายอร์ก้า ต่อจากเหล่ารุ่นพี่อย่างโยชิโตะ โอคุโบะ และอากิฮิโระ อิเอนากะ
“ผมผ่านการปรับตัวกับลีกญี่ปุ่น และกำลังปรับตัวเล็กน้อยกับลีกสเปน โดยถือว่าเป็นเรื่องที่ดีต่อตัวผม เพราะการปรับตัวเข้ากับลีกที่แตกต่าง เพราะมันช่วยให้ผมพัฒนาตัวเองขึ้นมา” เขาเล่าต่อ
“การตัดสินใจขึ้นอยู่กับนักฟุตบอล ก่อนหน้านี้ ผมมีโอกาสพูดคุยกับเอเย่นต์ และเรอัล มาดริด พวกเราต่างลงความเห็นตรงกันแล้วว่า การย้ายไปเรอัล มายอร์ก้า แบบยืมตัว คือสิ่งที่เหมาะสมที่สุด”
คุโบะเกิด และเติบโตที่เมืองคาวาซากิ ประเทศญี่ปุ่น เขาถือเป็นเด็กที่มีความสามารถในเรื่องของฟุตบอลเป็นอย่างมาก โดยจุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้น เมื่อเขาเป็นส่วนหนึ่งของทีมฟุตบอล “เอฟซีบี เอสโคลา” ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของ บาร์เซโลน่า
ช่วงปี 2011 ฟอร์มการเล่นที่โดดเด่นของเขา เกิดไปเข้าตาแมวมองของบาร์เซโลน่า ที่ประจำอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น ส่งผลให้ทางบาร์ซ่า เซ็นสัญญาคว้าตัวเขาร่วมอะคาเดมี่ พร้อมกับสร้างประวัติศาสตร์ กลายเป็นนักเตะญี่ปุ่น คนแรกที่เซ็นสัญญากับบาร์ซ่า และคนแรกที่ไปอยู่ในศูนย์ฝึกฟุตบอลอย่าง “ลา มาเซีย” อีกด้วย
คุโบะเข้าสู่ขั้นตอนการพัฒนาฝีเท้าของลา มาเซีย เขาถูกจับไปอยู่ในชุดอายุ 11-12 ปี พร้อมกับสร้างผลงานอย่างยอดเยี่ยม ยิงประตูอย่างถล่มทลายกว่า 74 ประตู จาก 30 นัด จนเลื่อนติดทีมยู-14 พาทีมเด็กของบาร์ซ่า คว้าแชมป์รายการสำคัญอย่างมากมาย
ด้วยความที่เป็นนักเตะที่ถนัดเท้าซ้าย และมีทักษะการเล่นฟุตบอลที่ยอดเยี่ยม ทำให้เขาถูกนำไปเปรียบเทียบกับซูเปอร์สตาร์เบอร์ 1 ประจำทีมอย่างลิโอเนล เมสซี่ จนได้รับฉายาว่า “เมสซี่แห่งแดนปลาดิบ” เลยทีเดียว กระนั้น ท่ามกลางอนาคตที่สดใส ทุกอย่างต้องพังทลายลง เมื่อบาร์เซโลน่า โดนโทษจากสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ สั่งแบนการซื้อขายตลอดฤดูกาล 2014-15
เหตุผลคือ บาร์เซโลน่า ดันทำผิดกฏในการดึงแข้งอายุต่ำกว่า 18 มาร่วมทีมเป็นจำนวน 9 รายด้วยกัน หนึ่งในนั้น มีชื่อคุโบะ รวมอยู่ด้วย แน่นอนว่า เขาไม่สามารถลงเล่นกับบาร์ซ่า เป็นเวลาปีครึ่ง ทำให้ผู้ปกครองตัดสินใจพาเขากลับบ้าน
คุโบะย้อนความทรงจำว่า “สำหรับเด็กอายุ 13 ถือว่าเป็นเรื่องที่ยากลำบากเหมือนกัน เพราะว่าคุณมีความต้องการที่จะเล่นฟุตบอล คุณไม่เข้าใจหรอกว่า ทำไมคุณต้องถูกบีบออกนอกประเทศ โดยความเป็นจริงแล้ว ผมไม่รู้เรื่องทั้งหมดหรอก หากเด็กคนหนึ่งอยากเล่นฟุตบอลกับสโมสรที่ยอดเยี่ยม ผมไม่เห็นเหตุผลเลยนะว่า ทำไมพวกเขาเหล่านั้นจะทำไม่ได้”
Posted by admin