ฮาเมส โรดริเกซ กับ เรอัล มาดริด นั้นได้เดินทางมาถึงจุดสิ้นสุดแล้ว เสียดายแค่ว่ามันเกิดในช่วงก่อน ลา ลีกา ปิดฤดูกาลแค่ 4 นัด และก่อนที่ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก จะกลับมาลงแข่งขันอีกครั้ง

เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ซีเนดีน ซีดาน ขึ้นแถลงข่าวก่อนเกมบุกเยือน แอธ.บิลเบา ที่ ซาน มาเมส ก่อนจะตอบคำถามนักข่าวเกี่ยวกับการตัดชื่อ ฮาเมส ออกจากทีมในแมตช์ดังกล่าวว่าเป็นความต้องการของตัวมิดฟิลด์โคลอมเบียเองที่ไม่อยากมีชื่ออยู่ในทีม

“เกิดอะไรขึ้น ?”       “อะไรที่ทำให้นักเตะอาชีพซึ่งไม่ค่อยได้ลงสนามอยู่แล้ว ไม่อยากลงเล่นอีกต่อไป ?”

“อะไรคือสาเหตุที่ทำให้ ฮาเมส แสดงความต้องการไม่อยากลงเล่นในช่วงเวลาที่เหลือกับ เรอัล มาดริด อีกแล้ว ?”

คำตอบนี้ เราคงจะต้องย้อนกลับไปที่บทสนทนาระหว่าง ฮาเมส กับ ซีดาน

ณ เวลานี้ ยังไม่มีข่าวว่าทีมไหนแสดงความสนใจอย่างจริงจังเข้ามา แต่ด้วยเหตุที่ฤดูกาลยังไม่ปิด แต่ละสโมสรยังโฟกัสกับการแข่งขันที่กำลังขมวดเข้ามา

อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าเมื่อฤดูกาลของลีกต่างๆในยุโรปรูดม่านลง เมื่อนั้น ฮาเมส ก็คงได้ย้ายออกจาก ถิ่นซานติอาโก้ เบร์นาเบว เพื่อมุ่งหน้าสู่สโมสรอื่นที่เขาสามารถแสดงความศักยภาพและพรสวรรค์ของตัวเองออกมาอย่างเต็มที่

คงไม่มีเซอร์ไพรส์อีกแล้ว คงไม่มีการบอกปัดข้อเสนอในนาทีสุดท้ายเหมือนปีก่อนฮาเมสกำลังจะปิดฉากชีวิตนักเตะเรอัล มาดริด อันยาวนาน 7 ปีอย่างขมขื่น

ทิ้งไว้แค่ผลงานลงสนาม 125 นัด 37 ประตู 42 แอสซิสต์ กับอีก 8 ถ้วยแชมป์

จากข้อมูลที่ได้รับมาบอกว่าทั้ง ซีดาน และ ฮาเมสได้มีการเปิดอกคุยกันโดยไม่ปิดบังซ่อนเร้นความรู้สึกของแต่ละฝ่าย ซึ่งว่ากันว่าคำพูดค่อนข้างตรงไปตรงไป

ประเด็นนึงที่เราคงไม่ต้องขุดหาให้เสียเวลาก็คือในแง่มุมของฟุตบอล ฮาเมสไม่เคยเป็นที่ต้องการของ ซีดาน เลย แม้ส่วนตัวทั้งคู่จะไม่เคยมีปัญหาอะไรกันก็ตาม

ฮาเมสกล่าวตำหนิ ซีดาน ที่ไม่เคยไว้ใจเขาเลย ซึ่งจะว่าเช่นนั้นก็ไม่ผิดซักเท่าไหร่ เพราะนอกจากจะหลุดตำแหน่งตัวจริงอย่างถาวรแล้ว โอกาสที่จะถูกเลือกรองลงมาก็ยังแพ้ดาวรุ่งคนอื่นๆที่มาทีหลัง

ยกตัวอย่างเช่นในเคสของ วินิซิอุส จูเนียร์,โรดรีโก้ โกเอส สองดาวรุ่งจากบราซิล และ เฟเดรีโก้ บัลเบร์เด้ ห้องเครื่องวัย 21 ปี ต่างก็ได้รับโอกาสจากกุนซือฝรั่งเศสอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย

เท่านั้นไม่พอ เมื่อ มาร์โก อาเซนซิโอ กับ อิสโก้ อาลาร์กอน หายบาดเจ็บกลับมาเป็นตัวเลือกเพิ่มเติมอีก 2 ราย ก็ยิ่งทำให้จำนวนนาทีลงสนามของฮาเมสแทบจะไม่ขยับ

ในมุมมองส่วนตัวของฮาเมสเขารู้สึกว่าตัวเองทนรับสภาพเช่นนี้ต่อไปไม่ไหวแล้ว ก่อนจะตัดสินใจพูดตรงๆกับ ซีดาน ถึงความอัดอั้นตันใจที่มี

ฮาเมสบอกกับ ซีดาน ว่าสภาพจิตใจของเขาไม่พร้อมที่จะลงเล่นในเกมกับ แอธ.บิลเบา เขาไม่ต้องการขึ้นไปบนอัฒจรรย์ แล้วก็นั่งดูเกมอยู่อย่างนั้น โดยปราศจากความหวังที่จะถูกส่งลงเล่น

กับประเด็นนี้ ซีดาน พยายามควบคุมสถานการณ์เอาไว้ ไม่ทำให้เป็นเรื่องใหญ่ เนื่องจากไม่ต้องการให้นักเตะคนอื่นๆในทีมเสียสมาธิในช่วงโค้งสุดท้ายของ ลา ลีกา ซึ่ง เรอัล มาดริด มีโอกาสสูงที่จะคว้าแชมป์ในปีนี้มาครอง

กระนั้นก็ตาม ตัวกุนซือฝรั่งเศสเองก็ยอมรับว่าโอกาสที่จะกลับมาใช้งาน ฮาเมสในสนามอย่างสม่ำเสมอนั้นเป็นเรื่องที่ยากเอามากๆ

ประเด็นตึงเครียดระหว่างฮาเมส กับ ซีดาน นั้น บอร์ดบริหารของมาดริดทราบดี และพวกเขาเองก็พยายามหาทางออกให้กับมิดฟิลด์โคลอมเบีย ด้วยการมองหาข้อเสนอที่เหมาะสมให้

จะว่าไปแล้ว บอร์ดเองก็มีส่วนที่ทำให้สถานการณ์เป็นเช่นนี้ เพราะเมื่อซัมเมอร์ที่แล้ว มีข้อเสนอจาก ทั้ง แอตเลติโก มาดริด และ นาโปลี ยื่นเข้ามาให้พิจราณา

แต่ทว่าสโมสรตัดสินใจบอกปัดข้อเสนอในนาทีสุดท้าย ทำให้ ฮาเมสชวดโอกาสย้ายออกจากทีมอย่างที่ต้องการ และต้องหันกลับมาต่อสู้อย่างเต็มที่เพื่อเอาชนะใจ ซีดาน

แต่สุดท้าย อย่างที่เห็นกัน เขาทำไม่สำเร็จ ซึ่งอาจไม่ใช่เพราะเขาไม่ดีพอ เพียงแต่ฟุตบอลของเขาไม่ใช่ในรูปแบบที่ ซีดาน ต้องการ

การหยุดพักยาวร่วม 3 เดือนในช่วงการแพร่กระจายไวรัสโคโรน่า การไม่ค่อยได้โอกาสลงสนามในเกมการแข่งขันจริงเป็นเวลานาน นอกจากสภาพจิตใจแล้ว ยังส่งผลกระทบต่อสภาพร่างกายของฮาเมส ไม่น้อย ซึ่งทำให้ฟอร์มการเล่นของเขาดร็อปลงไป

พื้นที่ตรงกลางสนาม ซีดาน ต้องการมิดฟิลด์ที่นอกจากจะสร้างสรรค์เกมรุกได้แล้ว ยังต้องเล่นเกมรับได้ดีอีกด้วย

ทว่าด้วยสภาพร่างกายของ ฮาเมสยามนี้ บวกกับสไตล์การเล่นโดยพื้นฐาน ทำให้ค่อนข้างมีปัญหาในการเล่นตามแท็คติกที่ ซีดาน ต้องการ จนท้ายที่สุด ลงเอยว่าฮาเมส ไม่อาจอดทนได้อีกต่อไป

ฮาเมสเหลือสัญญากับ เรอัล มาดริด จนถึงเดือนมิถุนายน 2021 ซึ่ง เรอัล มาดริด ไม่ติดขัดที่จะขายเขาออก